วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ลักษณะอุปนิสัยของสัตว์เลี้ยงยอดนิยม

สัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่สุด 10 ลำดับแรก

10 ลำดับสัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงมากที่สุด


เรามาเริ่มจากลำดับที่10ก่อนนะคับ

10.  อันดับที่ 10 ''ชินลาล่า'' [Chinchilla]



  ชินล่า เป็นสัตว์เมือหนาว เพราะฉะนั้นคนที่คิกเลี้ยงจะเลี้ยงมันต้องเลี้ยงไว้ในห้องแอร์  สำหรับเสน่ห์ที่ทำให้คนหลงรักมัน ก็คงจะเป็นใบหน้าอันน่ารัก บวกกับ ขนปุกปุยอ่อนนุ่มเหมาะที่จะกอดและอุ้มเป็นที่สู๊ดด ด !

 ลักษณะเด่น -

ชินชิล่าเป็นสัตว์หากินกลางคืน กินพืช รักสะอาด แทบจะไม่มีกลิ่น ไม่มีหมัดหรือปรสิต ไม่ต้องการพื้นที่มาก ตัวโตเต็มวัยมีน้ำหนัก 18-30 ออนซ์ หรือมากกว่า สามารถมีอายุยืนถึง 20 ปี ขนนุ่มมากและเป็นกำมะหยี่ จากการตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์พบว่าแต่ละรูขุมขนมีขนขึ้นประมาณ 80-100 เส้น สีขนแท้ๆของชินชิล่าที่อาศัยตามธรรมชาติมีสีเป็นสีเหลือง-เทา และนักเพาะพันธุ์ได้พัฒนาสีธรรมชาติให้น่าสนใจ กลายเป็นสีน้ำเงิน-เทาที่มีเสน่ห์ ส่วนสีอื่นๆ ได้แก่ Ebony(น้ำตาลดำ), Silver(เงิน), Black Velvet, Sapphire(น้ำเงินเข้ม), Beige(เบจ), White(ขาว) และ Afro-Violet(ม่วง) เป็นต้น

ที่อยู่อาศัย -
ควรเลี้ยงไว้ในกรงที่สะอาด พื้นเป็นลวด หรือกระบะแข็งปูด้วยขี้กบ พื้นกรงควรทำมาจากไม้สนเพื่อความสบายของชินชิล่าและเป็นการป้องกันฟันงอกยาว (ไม้ซีดาและสนแดงเป็นพิษต่อชินชิล่า) ขี้กบสำหรับปูพื้นมีไว้เพื่อลดการเปื้อนของขนและควรเปลี่ยนทุกอาทิตย์ ที่ตั้งกรงอากาศต้องถ่ายเทได้ดี อุณหภูมิควรต่ำกว่า 60-80*F ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชุ่มชื้นในอากาศ การอาบน้ำชินชิล่าต้องใช้ขี้เถ้าภูเขาไฟอาบ ตามหลักควรอาบให้ทุกวันหรืออย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขี้เถ้าภูเขาไฟจะช่วยผลัดขน ผู้เลี้ยงควรติดขวดน้ำสะอาดให้ชินชิล่าตลอดเวลา ควรทำความสะดาดขวดน้ำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ล้างขวดด้วยน้ำและสบู่

- การให้อาหาร -

ชินชิล่ามากจากเขตที่แห้งแล้งบนเทือกเขาสูง กินเพียงหญ้าแห้งและเมล็ดพืช เพราะงั้นเราจึงไม่ควรให้อาหารมากไปกว่าอาหารสำเร็จรูปของชินชิล่าเท่านั้น ควรให้ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน หรือ 1/3 ถ้วยสำหรับตัวโตเต็มวัย ควรให้หญ้าแห้งด้วย ไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมดาหรือแบบอัดแท่ง อาจให้ผลไม้หรือผักสดชิ้นเล็กๆ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อช่วยระบบย่อย เช่น แอ็ปเปิ้ล **อย่า**ให้กะหล่ำปลี ข้าวโพดหรือผักกาดเด็ดขาด ! ! ! เพราะผักเหล่านี้มีแก๊สซึ่งทำให้ชินชิล่าตายได้ ควรให้หญ้าอัลฟาฟ่าหรือหญ้าBermudaที่ปราศจากยาฆ่าแมลง




9. อันดับที่ 9 "ชูการ์ไกร์เดอร์"




    ชูการ์ เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบอยู่คนเดียว ฉะนั้นมันจึงต้องการที่จะอยู่กับพวกพ้องของมัน มิฉะนั้นมันอาจเครียด และ ป่วยถึงขั้นตายได้ !  นอกจากมันมันไม่ชอบอยู่คนเดียวแล้วมันยังเป็นสัตว์ที่เอาแต่ใจ อยากรู้อยากเห็น และต้องการอิสระในการวิ่งเล่น ฉะนั้นใครรู้ว่าตัวเองใจร้อนก็ลองหาสัตว์อื่นเลี้ยงดีกว่า




ลักษณะนิสัยของเจ้าชูการ์ไกรเดอร์


ชูการ์เด็ก (อายุน้อยกว่า 4 เดือน)
จะ มีิการกลัวง่าย ทำอะไรเสียงดังหน่อยเค้าก็จะตกใจ และถ้าตกใจเค้าก็พร้อมที่จะยกขาหน้าขึ้นมา 2 ขา พร้อมร้องเสียงเหมือนเด็กร้องไห้ การกระทำนี้เราเรียกกันว่า "ขู่" ในชูก้าบางตัวอาจจะมีการพุ่งชนหรือเราเรียกกันว่า "ฉก" ด้วย และชูก้าในวัยเด็กเกือบทุกตัวมักจะนอนตลอดวัน ตื่นเฉพาะตอนกินเท่านั้น



ชูการ์วัยแรกรุ่น (อายุประมาณ 5-8 เดือน)
ก็ จะมีการวิ่งเล่นและชอบปีนป่ายขึ้นไปยังที่สูง ๆ เช่น ผ้าม่าน ต้นไม้ ประตู เป็นต้น ในชูการ์ตัวผู้จะมีการทำเครื่องหมายแสดงอาณาเขตของตนเอง มีลักษณะคล้ายฉี่ แต่ไม่ใช่ ส่วนใหญ่เค้าจะทำเครื่องหมายกับเจ้าของและที่วิ่งเล่นของเค้า เพื่อแสดงให้รู้ว่าเค้าเป็นเจ้าของ และในกรณีที่เลี้ยงรวมกันหลาย ๆ ตัว เค้าก็เริ่มเข้าไปอยู่รวมกลุ่มกัน ทำอะไรก็ทำคล้าย ๆ กัน และเล่นเหมือน ๆ กัน เพราะเค้าคือสัตว์สังคม


ชูการ์ที่โตเต็มวัย (อายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป)
จะ วิ่งเล่นน้อยลง แต่จะกินอาหารมากขึ้น ซึ่งตรงนี้คนเลี้ยงก็ต้องคอยระวังดูแลสุขภาพของเจ้าชูก้า ไม่ให้อ้วนจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาในภายหลัง

สำหรับ ที่อยู่อาศัย 

ของชูการ์ไกรเดอร์พวกนี้ ตามธรรมชาติเค้าชอบปีนป่ายตามต้นไม้สูง ๆ มากกว่าที่จะวิ่งเล่นอยู่ตามพื้นดิน ดังนั้น ลักษณะของกรงจึงควรเน้นกรงให้เป็น " ทรงสูง" มากกว่าความกว้างและความยาว และเจ้าชุการ์ี้มันชอบมุดตามโพรงไม้บนต้นไม้สูง ๆ แต่ในความเป็นจริงเราไม่สามารถหาโพรงไม้ให้มันมุดเพื่ออาศัยอยู่ได้ แต่เราสามารถหาสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกันมาทดแทนโพรงไม้ได้ เช่น บ้านไม้ ตะกร้าสาน กล่องไม้ เป็นต้น ซึ่งของที่กล่าวไปนั้นสามารถหาซื้อได้ตามตลาด หรือ จัตุกจักร ก็มีขาย

อาหารการกิน


เป็นคำถามแรกๆที่ทุกคน มักจะสงสัยสำหรับอาหารการกินของเจ้าชูการ์ทั้งตัวน้อยและไม่น้อย อย่างแรกเลยคือ เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เจ้าชูการ์เนี่ย มันเป็นสัตว์ป่านะครับ

ดังนั้นอาหารการกินของพวกมันก็คือพวกผลไม้ ที่มีรสหวานๆ เช่น แอปเปิล มะละกอ แคนตาลูป แตงโม มะม่วง (มะม่วงเนี่ยพวกชูการ์ที่บ้านผมชอบนักเชียว!!!) และชูการ์ก็สามารถกินพวกหนอนและแมลงตัวเล็กๆต่างๆได้ เช่น หนอนนก จิ้งหรีด เป็นต้น แต่พวกหนอนและแมลงต่างๆนี่ส่วนใหญ่จะกินในชูการ์ที่มีอายุเกิน 4-5 เดือนขึ้นไป


ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้คือ “ อาหารตามธรรมชาติ ” ของเค้านะครับ ทีนี้เราลองมาดูอาหาร “ที่ไม่ตามธรรมชาติ” ของเค้าบ้าง ได้แก่ ซีรีแลค (Cerelac) หรือ อาหารเลี้ยงเด็กอ่อนนั่นเอง อันนี้คือยอดฮิตเลยนะครับ ทุกตัว “ต้องกิน” และซีรีแลคเนี่ยก็มีหลายสูตรแยกย่อยออกไปอีก เช่น

สูตรเริ่มต้น - เหมาะกับชูการ์ที่เพิ่งแยกออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องแม่จนถึงอายุ 3-4 เดือน
สูตรผลไม้รวม - เหมาะกับชูการ์ 4 เดือนขึ้นไป เพราะทำให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน
ข้าวบดผสมวิตามินรวม - อันนี้มันเป็นข้าวบดนะครับ ผมให้ผสมกับสูตรผลไม้รวมครับ
และ ยังมีอีกหลายสูตรที่ผมไม่ได้กล่าวถึงอีกครับ ซีรีแลคนี่ชูการ์ทุกตัวต้องกินนะครับ เพราะมันทำให้ร่างกายเค้าแข็งแรงและโตไวอีกต่างหาก (ไวแบบไม่น่าเชื่อเลยหละครับ)



ข้อห้าม!!


อาหารทอด - พวกนี้ห้ามเลยนะครับ เพราะน้ำมันนี่มันจะไม่ดีต่อสุขภาพของเจ้าตัวน้อย
สัตว์แปลกๆ - จิ้งจก ตุ๊กแก พวกนี้อันตรายนะครับ ห้ามเด็ดขาด เพราะในตัวสัตว์พวกนี้มีสารที่เป็นอันตรายต่อชูการ์ครับ
อาหารนอกเหนือจากที่กล่าวมา - จะเป็นการดีที่สุดครับ ถ้าไม่ให้เค้าทานอะไรนอกเหนือจากธรรมชาติครับ




8. อันดับที่ 8 "กระรอก" [Squirrel]



   กระรอกที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ กระรอกสวน เนื่องจากเลี้ยงง่าย สำหรับผู้ที่จะเลี้ยงกระรอกต้องไม่กลัวถูกกัด ไม่กลัวเล็บข่วน และกลัวเลอพ เพราะกระรอกมักจะชอบฉี่เวลาไต่ตามตัวคุณและที่สำคัญคือ ไม่กลัวบ้านพัง 55. เพราะเจ้ากระรอกมีนิสัยชอบแทะ หากคุณไม่มีเวลาดูแลรับรองว่าข้าวของเครื่องใช้ในบ้านต้องถูกแทะจนพังแน่



ลักษณะของกระรอก

                         กระรอกแป็นสัตว์ที่ออกหากินในตอนกลางวัน (ยกเว้นตระกูลกระรอกบิน) แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะออกหาอาหารในช่วงเช้ามืดหรือตอนเย็น เราสามารถพบกระรอกอยู่เป็นกลุ่มได้ในต้นไม้ที่ออกผลมาก มีความเชื่อกันว่ากระรอกตัวที่โตเต็มที่นั้นจะแบ่งเมล็ดพืชให้กับกระรอกที่ยังเล็กอยู่ เชื่อกันว่ากระรอกนั้นจะซ่อนอาหาร อย่างเช่นผลไม้สุก ไว้ในรอยแตก หรือรอยแยกของกิ่งไม้
อาณาเขตของที่อยู่อาศัยของกระรอกที่โตเต็มวัยนั้นอาจซ้อนเหลื่อมกัน
แต่บริเวณที่เกิดการซ้อนเหลื่อมนี้อาจขยายอาณาเขตมากขึ้นเมื่อตัวเมียมีน้อยลงและอาจทำให้กระรอกมาเผชิญหน้ากัน เมื่อเป็นเช่นนี้ กระรอกตัวที่เป็นเจ้าของอาณาเขตจะไล่กระรอกตัวอื่นไปจนกระทั่งกระรอกตัวนั้นออกจากอาณาเขตของตนไป หรือกระรอกตัวที่เป็นเจ้าของอาณาเขตอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลยแล้วใช้ชีวิตตามปกติต่อไป กระรอกตัวที่ปกครองเป็นใหญ่ในบริเวณนั้นจะยังคงอยู่โดยเฉพาะบริเวณที่ใช้เป็นที่หาอาหารประจำและมีกระรอกอยู่ทั้ง 2 เพศ ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิตของมัน  


..เขตที่พบกระรอก...

กระรอกเป็นสัตว์ที่พบว่ามีอาศัยอยู่ทั่วโลกยกเว้นในทวีปออสเตรเลีย, ตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้, และบริเวณทะเลทราย  กระรอกสามารถอาศัยอยู่ในถิ่นที่อยู่อาศัยที่มีความแตกต่างกัน  ตั้งแต่ป่าฝนเขตร้อนไปจนถึงเขตอาร์คติกทุนดรา   และจากชั้นเรือนยอดของต้นไม้ไปจนถึงโพรงใต้ดิน

...ถิ่นที่อยู่อาศัย...


โดยส่วนใหญ่แล้วกระรอกจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15.8 องศาเซลเซียส และมีปริมาณน้ำฝน 1455 มม. จะสามารถพบกระรอกได้มากในป่าเขตอบอุ่นโดยเฉพาะป่าที่มีไม้ผลมาก สำหรับในประเทศไทยนั้นสามารถพบเห็นกระรอกได้ทุกภูมิภาค แต่จะพบได้มากที่ภาคใต้และพบว่ามีจำนวนน้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระรอกบางพันธุ์นั้นจะสามารถพบได้เฉพาะในภาคใต้เท่านั้น เช่น พญากระรอกเหลือง กระรอกสามสี กระรอกหางม้าใหญ่ กระรอกหน้ากระแต ซึ่งกระรอกเหล่านี้ล้วนเป็นกระรอกพันธุ์หายาก และใกล้จะสูญพันธุ์

...อาหารของกระรอก...

              กระรอกในประเทศไทยนั้นก็มีลักษณะการหาอาหารคล้ายกับกระรอกต้นไม้อื่นๆ คือ ดำรงชีวิตด้วยการกินใบไม้ ผลไม้ เมล็ดพืช แมลง ผลไม้เปลือกแข็ง และโคนต้นสน กระรอกเหล่านี้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่หากินบนต้นไม้ แต่บางเวลาหากินบนพื้นดิน และแน่นอนว่าอาหารส่วนใหญ่ของกระรอกล้วนเกี่ยวกับต้นไม้ ทำให้กระรอกมักจะเก็บสะสมอาหารอยู่บนกิ่งไม้ กระรอกมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและอาหารตามฤดู ในฤดูหนาว กระรอกจะกินดอกที่ยังอ่อนๆ ของต้นแต้ฮวย ซึ่งจะออกดอกตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายนในปีถัดไป จากนั้นกระรอกจะเปลี่ยนมากินใบไม้ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคม และเมื่อถึงเดือนมิถุนายนกระรอกก็จะเริ่มกินผลไม้ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง กระรอกจะกินแมลงที่มีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะมดที่กำลังกักตุนอาหารก่อนที่ฤดูหนาวจะมาเยือน

...พฤติกรรมการกินอาหารของกระรอก...

- อาหารหลัก : กระรอกเป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหารหลัก โดยมากจะกินผลไม้และธัญพืช
- อาหารที่เป็นสัตว์ : แมลง บางครั้งกระรอกจะกินแมลงเมื่อต้องการแร่ธาตุบางชนิด
- อาหารที่เป็นพืช : ได้แก่ ใบไม้ เมล็ดพืช ธัญพืช ผลไม้เปลือกแข็ง และผลไม้
- พฤติกรรมการหาอาหาร : มีการสะสมหรือซ่อนอาหารไว้กินในฤดูหนาว


...การสืบพันธุ์...

           กระรอกมีการสืบพันธุ์แบบ promiscuous หรือ polygynandrous คือตัวผู้หรือตัวเมียหลายๆ ตัวผสมกับเพศตรงข้าม 1 ตัว ในวันที่ตัวผู้เป็นสัด ตัวผู้หลายตัวจะมารวมกันล้อมรอบตัวเมียและเริ่มส่งเสียงร้อง การส่งเสียงร้องนี้เป็นการเริ่มต้นแข่งขันกันในหมู่ตัวผู้ ซึ่งจะมีตัวผู้ตัวหนึ่งที่ชนะและได้ผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวนั้น ตัวผู้ตัวที่ชนะจะได้ครอบครองตัวเมียในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไข่ของตัวเมียนั้นได้รับการผสมจากตนเอง แต่ถ้าจำนวนตัวผู้ที่เข้าแย่งชิงนั้นมีจำนวนมาก ตัวผู้ตัวนั้นก็อาจไปจากตัวเมีย และตัวเมียก็อาจจะเริ่มผสมกับตัวผู้ตัวหนึ่งที่ชนะตัวผู้ตัวอื่นๆ ที่เข้ามาในขณะนั้น
หลังจากผสมพันธุ์แล้ว ในตอนแรกตัวเมียจะออกสำรวจหาบริเวณและสร้างรังในบริเวณที่เหมาะสมและค่อนข้างปลอดภัย พฤติกรรมนี้จะพบมากที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่ตรงกับฤดูผสมพันธุ์ของกระรอก ภายในรังของกระรอกนั้นพบว่า แม่กระรอกสามารถให้กำเนิดลูกได้ครั้งละหลายตัว

...อายุขัยของกระรอก...

             ยังไม่เคยมีการรายงานเป็นตัวเลขที่แน่นอนแต่สำหรับกระรอกที่ถูกคนเลี้ยงดูนั้น โดยเฉลี่ยแล้วมีอายุประมาณ 17 ปี และบางพันธุ์อาจมีอายุยืนถึง 21 ปี (เลี้ยงขังในกรง) เช่น กระรอกสามสี 
 ศัตรูตามธรรมชาติ
ในธรรมชาตินั้น กระรอกมีศัตรูคือสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก เช่น อีเห็น ชะมด พังพอน แมวป่า รวมทั้งเหยี่ยว นอกจากนี้ กระรอกอาจถูกคนจับมาขายหรือฆ่าทิ้งเนื่องจากทำลายผลผลิตของเกษตรกร โดยเฉพาะกระรอกที่ไปอาศัยในสวนปาล์ม





7. อันดับที่ 7 "นก" [Bird]





      เนื่องจากนกเป็นสัตว์ที่ชอบแต่งตัวและรักสะอาด จึงควรมีกระจกไว้นกแต่งขน และบางครั้งควรที่จะใช้ฟร็อคฉีดน้ำ เป็นฝอยๆ ให้นกเล่นน้ำเพื่อทำความสะอาดขนด้วย



                               นกเป็นสัตว์สองเท้า มีปีก มีขนนกคลุมทั้งตัว นกส่วนมากมักจะบินไปไหนมาไหนได้ แต่มีนกอีก หลายชนิด ซึ่งมีปีกแต่ก็บินไม่ได้ เช่น นกกระจอกเทศ นกกีวี เป็นต้น เป็ดและไก่ก็เป็นนกชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่เนื่องด้วย สัตว์สองชนิดนี้ มนุษย์ได้นำมาเลี้ยงจนเชื่องเป็น เวลานาน ๆ จนปัจจุบันนี้ทั้งเป็ดและไก่แทบจะบินไม่ได้เลย หรือไปได้ก็ระยะทางสั้น ๆ เท่านั้น
      นกส่วนมากต่างมีขน ที่มีสีสันสวยงามมาก เช่น นกยูง นกหว้า บางชนิดก็ร้องเพลงได้ไพเราะ เช่น นก กางเขน นกเกือบทุกชนิดมีประโยชน์ต่อมนุษย์ เพราะนกส่วนใหญ่นั้น กินแมลงและตัวหนอนเป็นอาหาร ตัวหนอนตัวแมลงเหล่า นี้ทำลายพืชผักผลไม้ ธัญญาหาร และต้นไม้ต่าง ๆ ซึ่งเป็นอาหารและสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ทั้งสิ้น
      นกบางจำพวก เช่น เหยี่ยว นกเค้าแมว นกฮูก ก็ออกจับหนูกินเป็นอาหารในเวลากลางคืน นับว่ามีประโยชน์ ต่อมนุษย์ยิ่งนัก ดังนั้น เราไม่ควรทำลายหรือ ยิงนกเล่นเลย
      นกเป็นสัตว์ที่ประดับประดาโลกให้สวยงาม ช่วยทำให้โลกน่าอยู่ น่าอาศัยยิ่งขึ้น มีนกหลายชนิดที่ส่ง เสียงร้อยเพลงได้ไพเราะ ราวกับเสียงดนตรี ขนนกก็ช่วย ทำให้โลกมีสีสันน่าอยู่ยิ่งขึ้น นกมักจะมีขนสีแตกต่าง กันออกไปตามชนิด บ้างก็งดงาม สวยสดบาดตา บ้างก็สีมัว ๆ เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ อันเป็นวิธีป้องกันตัวเอง ให้รอดพ้น จากศัตรูตาม ธรรมชาติ ได้
      เนื่องจากนก ไม่มีอาวุธต่อสู้ศัตรู ยกเว้นแต่จะงอยปากและเล็บเท้า อันแหลมคม สำหรับจิกอาหาร จับอาหารเท่านั้น หาก จวนตัว ก็จะบินหนีศัตรูไปทันที นกทุกชนิดมีปีก และเกือบทุกชนิดบินได้ในอากาศ บางชนิดบินได้สูง บางชนิดบินได้รวดเร็วมาก และ บางชนิดก็สามารถ บินได้ระยะทางไกล ๆ กว่าครึ่งโลก แต่บางชนิดบินได้เรี่ย ๆ พื้นดิน เป็นระยะทางสั้น ๆ นอกจากนั้นยังมี นก 5-6 ชนิด ซึ่งบินไม่ได้เลย นกที่บินไม่ได้เหล่านี้ เป็นนกที่กำลัง จะสูญพันธุ์ หมดไป
     นกออกลูกเป็นไข่ก่อน แล้วจึงฟัก กลายเป็นตัว นกที่ออกจากไข่ระยะ แรก ๆ ต้องอาศัยพ่อนก แม่นก ช่วย เลี้ยงดูอยู่ระยะหนึ่ง จึงจะสามารถแยก จากพ่อแม่ไปเริ่มต้นชีวิตของตนเองได้ นกออกลูกเป็นไข่ก่อน แล้วจึงฟักกลายเป็นตัว นกที่ออกจากไข่ระยะ แรก ๆ ต้องอาศัยพ่อนก แม่นก ช่วย เลี้ยงดูอยู่ระยะหนึ่ง จึงจะสามารถแยกจากพ่อแม่ไปเริ่มต้นชีวิตของตนเองได้






6. อันดับที่ 6 "กระต่าย" [Rabbit]




    ควรหาพื้นที่นอกบ้านซึ่งมีอากาศถ่ายเท ไม่ร้อน ให้เค้าอยู่ เพราะกระต่ายได้ชื่อว่าเป็นยอดนักขุด ฉะนั้นหากเลี้ยงไว้ในบ้านต้องทำใจว่ามันจะกัดแทะสิ่งของคุณจนเสียหายแน่ นอกจากนี้ฉี่และอุนจิของกระต่ายยังมีกลิ่นแรง เสน่ห์ที่ทำให้คนอยากเลี้ยงมันก็คงจะเป็นเพราะ ตาวาวน่ารักๆ และขนปุกปุยนุ่มๆ ของมันนั่นเอง




การกินมูลตัวเอง(Coprophagy)

หากเห็นกระต่ายของเรากินมูลตัวเองไม่ต้องตกใจนะคะ ควรปล่อยให้เค๊ากินไป ถึงแม้เราจะรู้สึกตะหงิดๆใจก็ตาม เพราะการกินมูลตัวเองของกระต่ายจะเป็นการปรับลำไส้ของเค๊าให้เป็นปรกติ กระต่ายจะมีการถ่ายมูลพวงองุ่นที่อ่อนนุ่มนี้ในยามเช้าตรู่แล้วกินมันกลับเข้าไปใหม่การกระทำนี้เรียกว่า Coproghagy นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองว่าการที่กระต่ายกินมูลพวงองุ่นนี้เข้าไปจะทำให้ลำไส้ของเค๊าเป็นปรกติ แบคทีเรียในลำไส้ของกระต่ายจะผลิตวิตามินบีและโปรตีนฉะนั้น ในมูลพวงองุ่นก็จะมีทั้งวิตามินบี โปรตีน และแบคทีเรียที่ดี เมื่อกระต่ายกินมูลกลับเข้าไป ก็จะได้รับสารอาหารและแบคทีเรียที่ดีก็จะกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งค่ะ ^ ^

การสื่อสาร

โดยปรกติเราจะไม่ค่อยได้ยินเสียงกระต่ายนะคะ ยกเว้นเวลาเค๊าตกใจ กลัวอะไรก็จะมีการร้องออกมา กระต่ายบางตัวเวลาเราไปจับเค๊าก็จะมีเสียงร้องเล็กๆในลำคอ อาจจะเป็นเพราะเค๊ากลัวหรือไม่อยากให้เราไปยุ่งกับเค๊าค่ะ กระต่ายแต่ละตัวนิสัยก็ต่างกันไปนะคะ บางตัวก็บ่นได้ตลอดๆ ชอบก็ส่งเสียง หิว ไม่พอใจ ส่งเสียงตลอด บางตัวก็เงียบกริบก็มีค่ะ กระต่ายที่ฟาร์มเราบางตัวเวลาอยากผสมพันธ์ก็ส่งเสียง แถมพอเสร็จภารกิจ ส่งเสียงดังลั่นเลยก็มีค่ะ ออกแนวลามกนิดๆนะเนี่ย

ภาษาร่างกาย

เราลองสังเกตดีดี ภาษาร่างกายก็บอกอะไรเราได้หลายอย่างนะคะ
เรียกร้องความสนใจ – เอาจมูกมาดุน มาดันๆเรา ,สะกิดๆเราด้วยเท้าหน้าของเค๊า ,งับคุณเบาๆ ก็เป็นอาการเรียกร้องความสนใจของเค๊าได้เช่นกันค่ะ
อารมดี มีความสุข – ส่งเสียง กระโดดโลดเต้น, นอนแผ่อย่างมีความสุข หูลู่ไปด้านหลัง เดินวนรอบตัวคุณ
อยากรู้อยากเห็น – หูลู่ไปด้านหน้า ,โน้มตัวไปด้านหน้าเหมือนสนใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นนะ ,ยืนๆดูอยากเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ป้องกันตัวเอง จู่โจม – อันนี้สังเกตดีดีนะคะ พลาดขึ้นมาอาจจะเจ็บตัวได้ อาการหูลู่ไปด้านหลัง ยกหางขึ้น บางตัวมีสงเสียงขู่ด้วย บางตัวทำท่าเหมือนสนใจเรายืนสองขาน่ารัก พอยื่นมือเข้าไปลูบก็ ฟับ งับเราซะอย่างงั้น -*-

การกัดแทะสิ่งของ

เป็นปัญหาที่ต้องเข้าใจและดูแลดีดีนะคะ เพราะกระต่ายน้อยเป็นสัตว์ฟันแทะ เค๊าต้องการแทะเพื่อลับฟัน ไม่ให้ฟันงอกยาวจนเกินไป หากฟันของเค๊ายาวอาจจะเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้อีกมากมายเลยนะคะ เราควรหากิ่งไม้ ท่อนไม้เล็กๆแห้งๆแข็งๆ หรือไม้แทะแบบสำเร็จรูป ทิ้งไว้ให้เค๊าแทะเล่นค่ะ แต่ก็ต้องดูว่าไม้นั้นๆต้องไม่เป็นอันตรายกับเค๊านะคะ และที่ควรระวังคือ สายไฟ พลาสติกต่างๆ และวัสดุที่ไม่ควรให้ตกถึงท้องเค๊าค่ะ

การขุด

ในธรรมชาติกระต่ายต้องขุดดินเพื่อสร้างโพรง ทำรัง ไว้เลี้ยงลูก อยู่อาศัยและหลบจากศัตรู ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่กระต่ายของเราจะชอบการขุดมาก ยิ่งในกระต่ายเด็ก ทั้งขุดทั้งมุดจนตัวมอมแมมไปหมด เราสามารถหาสถานที่ หาอะไรให้กระต่ายของเราได้ขุดเล่นเพื่อเป็นการลับเล็บได้อีกด้วยนะคะ นอกจากนี้การขุดยังเป็นการบอกว่าแม่กระต่ายของเรากำลังต้องการทำรังคลอดลูกแล้วล่ะค่ะ เราก็จัดเตรียมรังคลอดให้เค๊าได้เลยค่ะ

การนอน

บางทีเราอาจจะสงสัยว่ากระต่ายของเรานอนบ้างไม๊ ทำไมไม่เห็นหลับตา นั่นก็เพราะว่าโดยสัญชาติญาณของเค๊าซึ่งเป็นผู้ถูกล่าจะมีการระวังตัวสูงค่ะการหลับของเค๊าจึงไม่จำเป็นต้องหลับตาค่ะ แต่ในกรณีที่กระต่ายสบายใจมากเสียเหลือเกิน เราอาจจะเห็นพฤติกรรมการนอนที่สุดจะน่ารักได้หลายรูปแบบเลยค่ะ บางตัวนอนแผ่เป็นไก่ย่าง บางตัวหลับหัวทิ่มคาถ้วยอาหาร บางตัวมีนอนละเมออีกต่างหาก รู้สึกเหมือนจะสูญเสียสัญชาติญาณการเป็นผู้ถูกล่ากลายมาเป็นเจ้าบ้านที่แสนจะสบายใจไปซะแล้วนะคะ

การเคาะเท้า

กระต่ายจะเคาะเท้าเป็นการเตือนภัย อาจจะเคาะหรือกระโดดขึ้นลงเพื่อให้เกิดเสียง เราจะเห็นการเคาะเท้าได้ตอนที่เค๊าเครียดและตื่นกลัว เช่นมีสัตว์อื่นเข้ามาใกล้บริเวณที่เค๊าอยู่หรือไม่  หรือไม่คุ้นเคยเวลามีคนจะเข้าไปอุ้มค่ะ

การแสดงอาณาเขต

ในกระต่ายตัวผู้จะมีการแสดงอาณาเขตด้วยการเอาคางถูไปยังที่ต่างๆในบ้านและกรงของมัน บางครั้งเราก็เห็นตัวเมียทำแบบนี้เช่นกัน นี่เป็นการแสดงอาณาเขตของกระต่าย กระต่ายตัวอื่นที่ผ่านเข้ามาจะรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นอาณาเขตของกระต่ายตัวอื่นค่ะ

การแสดงอำนาจ

การแสดงอำนาจที่มากเกินไปอาจจะทำให้กระต่ายของเราก้าวร้าวได้ กระต่ายแสดงอำนาจโดยการฉี่ไปทั่ว และฉี่ไปที่กรงของกระต่ายตัวอื่นๆ อีกวิธีที่จะแสดงอำนาจก็คือการงับ เป็นได้ทั้งงับกระต่ายตัวอื่นๆ หรืออาจจะลามมาถึงมางับเรา หากกระต่ายตัวไหนเริ่มมีการแสดงอำนาจมากเกินไป เราต้องจัดการแก้ปัญหานี้ก่อนที่จะกลายเป็นกระต่ายแสนโหดนะคะ

ความก้าวร้าว

เป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงไม่อยากเจอเลย การก้าวร้าวเกิดได้จากหลายอย่างค่ะ ทั้งจากความเครียด ความกลัว อาการไม่ได้ดังใจ ในกรณีที่โดนเลี้ยงตามใจมากเกินไป อาการแสดงอำนาจ และบางตัวถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ก็มีค่ะ เรียกได้ว่าดุกันทั้งครอบครัว -*-  แต่เราก็สามารถค่อยๆปรับค่อยๆฝึกให้เค๊าเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องได้นะคะ แต่ต้องใจเย็นๆค่ะ จะทำอะไรในเวลาที่เค๊ากำลังก้าวร้าวคงยาก เพราะเค๊าเป็นสัตว์ที่กัดเจ็บ และถีบรุนแรงมาก ได้แผลได้เลือดกันเลยทีเดียวค่ะ







5. อันดับที่ 5 "แฮมเตอร์" [Hamster]




       หนูแฮมเตอร์จะตื่นมาวิ่งเล่นบนวงล้อ และ กัดแทะสิ่งต่างๆ ถ้าหากคุณไม่ได้อยู่ในบ้านที่อากาศถ่ายเทสบาย แนะนำว่าไม่ควรเลี้ยงเพราะแฮมเตอร์เค้าไม่ชอบอากาศร้อน

  
หนูแฮมสเตอร์ 
หนูแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่น่ารัก เป็นสัตว์ที่ออกจะขี้อาย แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ในตัวค่ะ
หนูแฮมสเตอร์นี่จะชอบนอนเวลากลางวันแล้วก็ตื่นออกมาวิ่งเล่นในเวลากลางคืนค่ะ ซึ่งไม่แปลกเลยสำหรับหนูทั่วๆไป
และก็ชอบอมอาหารไว้ที่แก้มของเขา โดยที่แก้มของเขาจะมีคุณสมบัติที่ขยายได้ เพื่อเก็บและกักตุนอาหารที่ออกไปหามาได้
ในตอนกลางคืน(ตามธรรมชาติ)โดยเมื่อเขาได้ยินเสียง ได้เห็นอะไร หรือได้กลิ่นแปลกๆ ก็จะหยุดนิ่งและจ้องมองไปทางนั้น
ใบหูของเขานั้นก็จะ ตั้งชันขึ้นแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
หนูแฮมสเตอร์จะมีทั้งที่นิสัยดุร้ายและ ก็ที่นิสัยไม่ดุร้ายค่ะ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่สายพันธุ์ของเขาแต่ก็ใช่ว่า
สายพันธุ์ที่ดุจะดุไปหมดทุกๆตัว และสายพันธุ์ที่ไม่ดุก็ยังอาจจะมีตัวที่มีนิสัยที่ดุด้วยเช่นกันค่ะ

  • เมื่อเจ้าหนู คุ้นเคยกับเรา 


  • เมื่อหนูแฮมสเตอร์ นั้นเริ่มคุ้นเคยกับเรามากๆแล้ว ก็ ต่อไปก็เป็นเรื่อง ง่ายที่จะจับเขาออกมาเล่น นอกกรง โดยที่
    เมื่อ สนิทกันแล้ว เมื่อเรียกชื่อเท่านั้น เจ้าหนูของเราก็ จะวิ่งมา รอหน้าทางออก และเมื่อเราเอามือลงไปแล้ว
    เขาก็จะไม่รีรอที่จะเข้ามาปีนขึ้นมาบนมือของเรา ซึ่งสำหรับสายพันธุ์วินเทอร์ไวท์ นั้นเป็นเรื่องง่ายมากที่ทำความคุ้นเคย
    หรือตีสนิทด้วย เพราะจุดเด่นของสายพันธุ์นี่ก็เป็นพันธุ์ที่เชื่องอยู่ในตัวแล้วค่ะ

  • นอนทั้งวัน 


  • หนูแฮมสเตอร์ นอนในตอนกลางวัน อาจจะดูแปลกๆ ค่ะ แต่ที่จริงแล้วเป็นลักษณะนิสัยเฉพาะของสัตว์ประเภทนี้ค่ะ
    หนูแฮมสเตอร์มักจะนอนในตอนกลางวัน แล้วก็จะตื่นออกมาวิ่งเล่นในตอนกลางคืนค่ะ นอกจากนั้นก็จะออกมาหาอาหารกินอีกด้วยค่ะ
    โดยเขาจะตุนอาหารไว้ที่แก้มเพื่อเก็บไว้กินภายหลังค่ะ ส่วนในตอนกลางวันนั้น ท่านอนต่างๆที่แสดงออกมาให้เพื่อนๆและเจ้าของเห็น
    ก็อาจจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับคุณได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นท่านอนหงายในถ้วยหรือส่วนใหนส่วนหนึ่งของกรงและเขาก็จะนอนแบบนั้น
    หรือท่านั้นบ่อยๆ จนเป็น นิสัยและเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    โดยธรรมชาติ หนูต่างๆ จะออกหาอาหารกินในเวลากลางคืน และนั่นก็รวมทั้งหนูแฮมสเตอร์ด้วยค่ะ
    โดยธรรมชาติหนูแฮมสเตอร์จะออกหาอาหารในเวลากลางคืนค่ะ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อความปลอดภัยแก่ตัวของเขาเอง
    เพราะว่าในเวลากลางวันมักจะมีภัยอันตรายต่าง ๆจากสัตรู นอกจากนี้การออกอาหารในเวลากลางคืน โดยลักษณะพิเศษของหนูแฮมสเตอร์
    ที่มีกระพุ้งแก้มที่สามารถกักตุนอาหารค่ะ โดยเมื่อหนูแฮมสเตอร์ออกมาหาอาหารแล้วกักตุนอาหาร เพื่อเอากลับไปเก็บไว้กินในเวลากลางวัน
    และมีดวงตาที่กลมโต ซึ่งสามารถมองได้กว้าง เพื่อจะได้หลบหลีกสัตรูได้ทัน









  • 4. อันดับที่ 4 "แกสบี้" [guinea pig]




          สำหรับแกสบี้ที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดในไทย คือ อเมริกัน เพรูเวี่ยน
    แกสบี้ขี้ตื่นและตกใจง่าย มีความไวต่อความเครียดสูง ฉะนั้นถ้าแกสบี้ได้รับการจับและอุ้มอย่างถูกวิธี เค้าจะมีความสุขมากเมือ่ได้อยู่กับเจ้าของ


    ฟฤติกรรมปกติของเจ้าแกสบี้ หรือ เควี่ หรือ หนูตะเภา มาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้    

    ดุน ดัน มุด 

    เจ้าแกสบี้ใช้หัวดัน หรือดุน หรือมุด เป็นท่าแสดงความหมายถึงการกระตุ้นให้คุณเล่นด้วย จึงใช้หัวดันแต่บางครั้งก็แสดงออกเมื่อคุณวุ่นวายกับมันมากเกินไป (เตือนว่าเลิกยุ่งได้แล้ว)อ เป็นท่าแสดงความโกรธ ไม่พอใจหงุดหงิด ก็ใช้หัวดุนดันสิ่งปูรองนอน ผ้าเช็ดตัว หรือของเล่นกรง ในบางกรณีมันอาจเดินมาดุน ดันคุณ เพื่อแสดงให้รู้ว่ามันเบื่อหน่าย หรือแสดงความก้าวร้าวเป็นใหญ่ก็ได้

    จมูกแตะก้น อันนี้แป็นการแตะกันเอง ระหว่างจมูกของแกสบี้สองตัว เพื่อแสดงการต้อนรับ  คล้ายฝรั่งจับมือกัน (เชคแฮนด์ หรือเขย่ามือนั่นแหละค่ะ)



    ·   ขุด เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีกิจกรรมจะทำ หรือทำการหลบหนี

    ·   แกล้งตาย เจ้าเควี่แสดงท่านอนหงายไม่ไหวติงนิ่งสงบ ดูเหมือนหมดลมไปแล้ว ทั้งๆที่มีได้เจ็บป่วยประการใด มันจะทำท่าแสร้งแกล้งว่าตาย เมื่อตกใจสุดขีด ด้วยสัญชาตญาณธรรมชาติ เพื่อหลอกศัตรูผู้ล่าให้หลงว่ามันตายแล้ว

    ·   เหยียดตัว เควี่นอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง พร้อมกับเหยียดขาคู่หลังไปทางซ้ายแสดงว่ามันกำลังผ่อนคลาย สบายตัวสบายใจ

    ·  เลีย เควี่อาจเลียคนหรือเพื่อนๆของมันเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือแสดงความสนใจต่อคนหรือเควี่ตัวอื่น ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความพออกพอใจสบายใจ

      ยกเหยียดขาคู่หน้า มันแสดงท่ายกและเหยียดเกร็งขาคู่หน้าออกไป เพื่อทำให้ดูเหมือนตัวมันใหญ่ขึ้นกว่าปกติ เป็นการขู่ศัตรู หรือสัตว์ผู้ล่าตัวอื่นให้ยำเกรง

      เหยียดโดยใช้ขาคู่หลัง แกสบี้ใช้ท่านี้เมื่องต้องการสอดส่องดูสถานการณ์โดยรอบตัว แสดงความสนอกสนใจเป็นพิเศษต่อสิ่งหนึงสิ่งใด รวมถึงมองหาอาหารด้วย

    · ตื่นตา ตื่นตัว เหยียดหัวยื่นตรงไปข้างหน้า เบิ่งตาจ้องมอง เครียมพร้อมที่จะเผ่นโผนไปได้ทุกเมื่อเป็นการระวังตัว เอาตัวรอดจากภัยที่เข้ามา

    · กัด โดยปกติทั่วไปหนูตะเภาหรือแกสบี้ไม่ค่อยจะกัดใครอยู่แล้ว มันอาจกัดเพื่อแสดงความเป็นใหญ่เหนือผู้อื่น หรือเรียกความสนใจ หรือปฏิเสธสิ่งที่ไม่ต้องการก็ได้

    · สั่น การสั่นทั้งตัว อาจพบได้หลังจากที่คุณจับตัวหรืออุ้มเจ้าแกสบี้อยู่ นั่นหมายถึงว่ามันแสดงความรู้สึกผ่อนคลายหลังถูกอุ้มอย่างเหมาะสม ได้เช่นเดียวกับความหมายตรงกันข้างคือ รู้สึกระคายเคืองจากการสัมผัสหรืออุ้มด้วยมือที่หยาบกร้าน หรือปราศจากความนุ่มนวลละมุนละม่อม

    · กระโดดตัวลอย ฝรั่งเรียกว่า popcorning คงมาจากสักษณะที่ข้าวโพดคั่วซึ่งอตกตัวเมื่อถูกความร้อน ดีดตัวลอยขึ้นมา มักพบท่านี้ในลูกๆของแกสบี้ หรือแม้แต่ตัวโตแล้วเมื่อมันตกใจสุดขีด หรือดีใจสุดๆสนุกสุดๆก็ได้

    · ยักย้าย ส่ายสะโพกไปมาซ้ายขวาพร้อมส่งเสียงครางในลำคอ ท่านี้จะแสดงถึงความสนใจ หรือความต้องการทางเพศเรียกว่า คึกแล้ว !

    เพียงแค่นี้ก็คงเข้าใจถึงอารมณ์และความต้องการของแกสบี้ยามปกติได้บ้างแล้วนะค่ะ






    3. อันดับที่ 3 "ปลา" [fish]




           แม้จะไม่สามารถนำมากอด และจับจูงวิ่งเล่นกับมันได้เหมือนสัตว์เลี้ยงสี่ขาชนิดอื่นๆ แต่มันก็มีเสน่ห์และความสวยงามเฉพาะของตัวมันเอง สำหรับปลาที่นิยมเลี้ยงมีหลายพันธุ์ แต่ที่เห็นในรูปนี้ก็จะเป็น น้องปลาทอง สีส้มสดใสนี่เอง




    ในสมัยที่ผมเริ่มเลี้ยงปลาใหม่ๆ ความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงปลานั้นค่อนข้างน้อย ดังนั้นเวลาจะเลี้ยงปลาอะไรพอเห็นว่าถูกใจผมก็จะซื้อมาเลี้ยง พอรุ่งขึ้นที่ปลาที่ผมซื้อมานั้นตายเสียส่วนใหญ่ ที่เหลืออยู่ก็ประเภทเจียนอยู่เจียนไป แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะ....ทำไมปลาที่ซื้อมาเลี้ยงมันถึงตาย...มันตายได้ไงกัน
    สิ่งเหล่านี้ผมว่ามันอยู่ในความสงสัยของผู้ที่เริ่มเลี้ยงปลากันเกือบทุกคน แล้วเราจะต้องทำอย่างไรก่อนที่จะเริ่มต้นเลี้ยงปลาดีล่ะ...เลี้ยงยังไงไม่ให้ปลาที่เลี้ยงตาย ประเด็นแรกสำหรับการเลี้ยงปลาตู้สวยงามนั้นหลายคนอาจจะสงสัยว่า เราต้องเตรียมอะไรบ้าง อย่างแรกที่ผมอยากจะแนะนำนั่นก็คือ คุณต้องศึกษาทำความเข้าใจในเรื่องของปลาที่ต้องการจะเลี้ยงด้วย เพราะว่าปลานั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติผู้ที่เลี้ยงปลามักชอบเลี้ยงปลาหลายชนิดไว้ในตู้เดียวกัน ทั้งนี้เพื่อความสวยงามและแปลกตา แต่เราต้องเข้าใจนะครับว่าปลาแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันทั้งด้านนิสัยและเรื่องของอาหารการกิน ดังนั้นหากเราไม่ทำความเข้าใจเรื่องนิสัยของปลา เราก็จะพบกับปัญหา เช่น ปลาเกิดความสามัคคีในกลุ่มจึงชอบยกพวกตีกับกลุ่มอื่นหรือไม่ก็รุมอัดชาวบ้าน...ฮี่ๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ


    ผมเขียนมาแบบนี้หลายคนอาจจะบอกว่าส่วนใหญ่จะบอกว่าฉันรู้เรื่องพวกนี้แล้ว ใช่ครับ...คนส่วนใหญ่รู้เรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่ประเด็นจริงๆที่ผมจะพูดถึงไม่ใช่เรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กเท่านั้น แต่ผมกำลังจะพูดถึงนิสัยของปลาในการหากินต่างหาก เราเคยสงสัยมั้ยครับว่าทำไมปลาที่เราเลี้ยงมันถึงอ้วนผอมไม่เหมือนกัน ทั้งที่เราก็คิดว่าเราให้อาหารมันได้อย่างพอเพียง นั่นเป็นเพราะปลามีนิสัยที่ต่างกันในการหาอาหาร
    สำหรับผู้ที่สนใจอยากเลี้ยงปลาสวยงามนั้น ไม่ว่าจะเป็นปลาหางนกยูง ปลาทอง ปลาหมอสี ปลาเทวดา ปลากัด หรือปลาอื่นๆ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าปลาแต่ละชนิดมีนิสัยที่ต่างกันอย่างไร โดยหลักการง่ายๆ ปลาแบ่งกลุ่มลักษณะนิสัยออกเป็น 4 กลุ่ม 3 ระดับการหากิน
    นิสัยของปลา

    ปลานิสัยดีรักสงบ 

    ปลากลุ่มนี้ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง รักสงบไม่ทำร้ายกันเอง ไม่ชอบอยู่ตัวคนเดียวโดดๆเพราะกลัวเหงา(ฮี่ๆ)หากอยู่ตัวเดียวจะชิงเหงาตายจึงควรเลี้ยงเป็นฝูงเพื่อไม่ให้เหงาจนตาย สำหรับปลากลุ่มนี้หากจะเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นควรหาปลาที่มีขนาดเท่าๆกัน

    ปลานิสัยหวงถิ่น 

    เป็นปลากลุ่มประเภทที่ถิ่นข้าใครอย่าแหยม เป็นปลาที่ชอบปักหลักเป็นที่เป็นทาง มักมีอณาเขตเป็นของตัวเอง ปลากล่มนี้ไม่ชอบอยู่ร่วมกับปลาชนิดอื่น นิสัยโดยส่วนตัวไม่ดุร้ายนะแต่หากใครข้ามถิ่นเข้ามาก็มีเรื่อง

    ปลานิสัยก้าวร้าว 

    ปลาพวกนี้ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงแล้วไปยกพวกตีกับคนอื่นโฮ่ๆๆ ... (ปลาช่วงกลหรือไงฟะ) แต่พอวันไหนว่างๆไม่รู้จะไปหาเรื่องกับใครก็จะหันมาอัดกันเองคลายเครียด ดังนั้นปลากลุ่มนี้หากจะเลี้ยงรวมกับปลาอื่นควรจะหากปลาที่ตัวใหญ่กว่ามาเลี้ยง 



    ปลานิสัยดุร้าย 

    พวกปลากลุ่มนี้เป็นนักเลงตัวจริงครับ และมักจะเป็นปลากินเนื้อ ไม่ชอบอยู่ร่วมกับใครหน้าไหน ชอบเป็นพระเอกฉายเดี่ยววันแมนโชว์ ปลาพวกนี้นอกจะหาเรื่องอัดชาวบ้านแล้วแม้นแต่พวกเดียวกันมันก็ไม่เว้น ดังนั้นปลาพวกนี้จึงมักเป็นนักโทษขังเดี่ยวเลี้ยงตัวเดียว แต่หากจะเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่น ที่มีความสามารถหลบหลีกว่องไว และตู้ที่เลี้ยงควรมีขนาดที่ใหญ่เพื่อมีพื้นที่ในการหลบหนี อีกทั้งการให้อาหารก็ควรให้อย่างพอเพียงเพื่อป้องกันการแย่งอาหารกัน

    การหากินของปลา

    ปลาที่หากินตามผิวน้ำ ปลากลุ่มนี้จะหากินตามผิวน้ำจนถึงกลางน้ำ ชอบกินพวกตัวอ่อนของแมลง หรือพวกสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ตามผิวน้ำ บางชนิดก็กินพืช ปลากลุ่มนี้จะไม่ลงไปหากินที่พื้นน้ำ
    ปลาที่หากินตามพื้นน้ำ ปลากลุ่มนี้ไม่ชอบขึ้นมาผิวน้ำบ่อยนัก เป็นที่เวลาเลี้ยงอย่างตามบ่อหรือแหล่งน้ำธรรมชาติเราจะไม่ค่อยเห็นตัว ส่วนใหญ่จะขึ้นมาแค่กลางน้ำ หรืออย่างมากก็ขึ้นมาฮุบอากาศที่ผิวน้ำแล้วมุดต๋อมลงน้ำกลับไป
    ปลาที่หากินทุกระดับ ปลากลุ่มนี้หากินทุกระดับของผิวน้ำ เหมือนพวกเร่ร่อนที่หากินไปทั่ว ตรงไหนมีอาหารอุดมสมบรูณ์ก็จะไปหากินที่นั่น โดยมาชอบว่ายอยู่กลางน้ำเพื่อค่อยดูเหยื่อ
    เห็นมั้ยครับว่าปลานั้นก็มีนิสัยส่วนตัวซึ่งตรงจุดนี้หากเราเข้าใจก็สามารถที่จะเลี้ยงปลาได้อย่างสบายขึ้น การให้อาหารก็สามารถเลือกอาหารที่มีความเหมาะสมกับปลา ไม่ต้องค่อยระแวงว่าวันนี้จะตายกี่ตัว...และทำไมมันถึงตาย...ขอให้มีความสุขในการเลี้ยงปลาครับ






    2. อันดับที่ 2 "แมว" [Cat]




         เรียกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มาแรงถึงอันดับสอง โดยเสน่ห์ของมันก็คงจะเป็นที่ความขี้อ้อน ขี้เล่น โดยแมวที่นิยมเลี้ยงก็มีหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น เปร์เซีย หรือว่าจะเป็นน้องแมวพันธุ์ไทยแท้อย่างแมวสีสวาด หรือ ที่ชาวต่างชาติรู้จักกันในนาม 'แมวสยาม'



     1.  ทำไมแมวชอบร้องเหมียวๆ แมวจะทำเสียงนี้ เมื่อรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เค้าเริ่มรู้จักที่จะสร้างเสียงแบบนี้ ตั้งแต่เป็นลูกแมว ซึ่งจะส่งเสียงนี้ในยามที่ต้องการความอบอุ่นจากแม่แมว และเวลาที่หิวนม ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดจากสมองสั่งการ ให้เกิดเสียงร้องจากการสั่นของกล้ามเนื้อช่องคอนั่นเอง แมวมักจะทำเสียงนี้ในขณะหลับซึ่งคล้ายๆ กับเสียงกรน ครั้งต่อไปหาคุณได้ยินเสียงนี้อีกคุณลองถามเค้าสิว่า เค้าต้องการอะไร
      2.  ทำไมแมวจึงรักที่จะนอน "แมวขี้เซา" เป็นคำที่ใช้เรียกแมวที่รักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ พวกเค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับอย่างน้อย 17 ชั่วโมง ต่อวัน ซึ่งเป็น ลักษณะที่ถ่ายทอดมาจากแมวป่า ที่มักจะไม่ชอบออกล่าเหยื่อ หรือหาอาหารสักเท่าไหร่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแมวชอบที่จะนอนมากกว่า เจ้าแมวนอนหวดเอ๋ย
       3.  ทำไมแมวจึงชอบที่จะข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน พฤติกรรมการข่วนของแมวนั้น เกิดจากเหตุผลหลายอย่าง ประเด็นแรกนั้นการข่วนเป็นการฝนเล็บให้สวยงาม และแมวก็มีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น อีกทั้งพฤติกรรมนี้ยังเป็นการสร้างอาณาเขตของตัวเอง เพื่อป้องกันผู้บุกรุก แมวมักจะข่วนเป็นแนวตรงกับเสาหรือต้นไม้ ดังนั้น เราจึงควรจัดเตรียมที่ไว้ให้เป็นสัดส่วน สำหรับการฝนเล็บของแมว โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปที่อื่น ถ้าย้ายไปละฮึ่ม....จะข่วนไม่ให้เหลือ....
       4.  ทำไมแมวจึงชอบนอนหงายแล้วกลิ้งไปมา หลายคนมีความคิดที่ผิดว่าการที่แมวนอนไถหลังกับพื้น เป็นการแสดงพฤติกรรมที่ต้องการกำจัดหมัด ออกจากร่างกาย ในความจริงแล้ว อาการเช่นนี้แสดงออกถึงความไว้วางในในตัวคุณ เป็นการแสดงอาการยอมรับคุณ หรือทักทายคุณ ครั้งหน้าหาคุณพบว่าแมวทำท่าเกลือกกลิ้งต่อหน้าคุณ ให้คุณรู้ว่าเค้าอยากให้คุณแสดงความเป็นมิตรต่อเค้าด้วยการลูบท้อง
        5.  ทำไมแมวจึงชอบคลอเคลียที่ขาของเรา แมวมีต่อมกลิ่นทั่วร่างกายเช่น ริมฝีปากสีข้างหน้าผากหาง เป็นต้น กลิ่นจะกระจายติดตามร่างกายของผู้ที่แมวเข้าไปคลอเคลีย การแสดงอาการเช่นนี้ของแมวบ่งถึงความต้องการที่จะแสดงความเป็นเจ้าของคุณ หากแมวแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับคุณแล้ว จงภูมิใจได้ว่าเค้ารักคุณ      6.  ทำไมแมวจึงต้องใช้ถาดทรายแมว เพราะแมวมักจะถ่ายบนถาดทรายเสมอ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ดี โดยเป็นสัญชาติญาณในการดำรงชีวิตในป่า เนื่องจากในป่า แมวจะมีพฤติกรรมหลบซ่อนศัตรูที่ไม่ให้ใครพบเห็น ถือเป็นพฤติกรรมที่ถ่ายทอดกันมาอย่าง ยาวนาน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมแมวจึงต้องการถาดทรายไว้หลบซ่อนของเสีย อันเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมนี้
         7.  ทำไมแมวจึงชอบเลียขน การเลียสามารถกำจัดเศษขนที่หลุดล่วงและสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีการเจริญใหม่ของชั้นผิวหนังและขน ยิ่งกว่านั้นน้ำลายของแมวยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเค้าด้วย ลูกแมวจะรู้จักการเลียขนตั้งแต่แรกเกิดโดยมีแม่แมวเป็นผู้จัดการสอนเลียขนให้
                              "คุณควรตระหนักเสมอว่าแมวมีวิวัฒนาการธรรมชาติมาจากสัตว์ป่า ซึ่งอุปนิสัยเหล่านั้นยังคงอยู่ในร่างกายและจิตใจของแมวจวบจน ทุกวันนี้ คุณจึงควรให้ความรักและเข้าใจแมวของคุณ ร้องเรียกเหมียว... เหมียว... เดี๋ยวก็มา"




    1. อันดับ 1น้องสุนัข



           เรียกได้ว่ายังคงความยอดฮิตไว้อีกเช่นเคย สำหรับน้องหมาที่น่ารักน่าชัง ซึ่งหลายบ้านก็คงจะมีมันไว้เป็นสมาชิกครอบครัว ไม่ หนึ่งก็สองตัวเป็นอย่างน้อยแล้ว




        นิสัยของสุนัขก็เหมือนนิสัยของคนเราคือมีนิสัยแตกต่างกันไป สุนัขร้อยตัวก็มีนิสัยแตกต่างกันไปร้อยแบบ ไม่จำเป็นว่าสุนัขพันธุ์เดียวกันจะต้องมีนิสัยเหมือนกันไปหมด ซึ่งเราก็สามารถกำหนดคุณลักษณะสำคัญในการเลี้ยงดูสุนัขว่าสุนัขตัวนั้นจะเป็นสุนัขที่เลี้ยงง่ายหรือไม่เอาไว้สามข้อหลักๆ คือลักษณะชอบถูกควบคุม, ลักษณะติดพันเจ้าของและลักษณะชอบโดดเดี่ยว

     1.สุนัขที่มีลักษณะชอบการควบคุมหรือพูดง่ายๆ ก็คือสุนัขที่มีลักษณะของความเป็นผู้นำอยู่ในตัวนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะอยู่กับคนแต่ก็ยังแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เช่น สุนัขที่มักดึงเชือกเวลาเดินเล่นหรือสุนัขที่มาเกาะแข้งเกาะขาเจ้าของ สุนัขลักษณะนี้จำเป็นต้องเลี้ยงดูด้วยความระมัดระวังตั้งแต่ยังเล็ก เพราะหากได้รับการเลี้ยงดูที่ดีมันก็จะโตขึ้นมาเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดีได้

     2.สุนัขที่มีลักษณะติดพันเจ้าของมาก สุนัขที่มีลักษณะเช่นนี้จะเป็นสุนัขที่มีความยอมรับในตัวเจ้าของและติดพันเจ้าของมาก นับว่าเป็นสุนัขที่เลี้ยงได้ง่ายแบบหนึ่งพฤติกรรมของสุนัขที่มีลักษณะเช่นนี้ได้แก่ สุนัขที่ชอบล้มตัวลงไปกลิ้งเล่นต่อหน้าเจ้าของ หากเลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ว่าคุณจะเดินไปมุมไหนสุนัขก็จะเดินตามคุณไปตลอดหรือสุนัขที่ปัสสาวะราดเวลาโดนดุเป็นต้น

     3.สุนัขที่มีลักษณะโดดเดี่ยว สุนัขลักษณะนี้มักจะมีนิสัยไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนมีนิสัยค่อนข้างเก็บตัวเงียบและเย็นชา ไม่ค่อยสนใจความเป็นไปใดๆ ในบ้านไม่ค่อยชอบสุงสิงหรืออยู่ใกล้ๆ เจ้าของ ดังนั้นการฝึกสุนัขที่มีลักษณะเช่นนี้มักจะฝึกได้ยากเป็นพิเศษเพราะมันไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องอื่นๆ แต่ในทางตรงกันข้ามมันก็สามารถเป็นสุนัขที่เฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดีทีเดียว

    ลักษณะของสุนัขทั้งสามข้อที่ได้กล่าวมานั้น เป็นเพียงลักษณะเฉพาะในแต่ละด้านของสุนัขเท่านั้นเอง แต่หากสุนัขนั้นมีความขี้ขลาดปนเข้าไปด้วยก็จะทำให้มันมีนิสัยที่มีความแตกต่างออกไปอีก สุนัขบางตัวมีความหวาดกลัวคนเกรงว่าคนจะเข้ามาทำร้ายมันจึงเลือกที่จะทำร้ายคนก่อนเพื่อเป็นการป้องกันตัวซึ่งสุนัขที่มีลักษณะเช่นนี้นั้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลและเลี้ยงดูเป็นพิเศษ ในลักษณะเดียวกันก็มีอีกไม่น้อยทีเดียวที่ลูกสุนัขถูกคนทำร้ายอย่างมากเมื่อมันเป็นเด็กทำให้มันเกิดความกลัวฝังอยู่ในจิตใจและมักจะป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้ายด้วยการกัดก่อนเสมอ 

    ในบางกรณีที่สุนัขของคุณก่อปัญหาต่างๆ ขึ้นในบ้านจริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของสุนัขก็ได้ แต่เป็นเพราะสุขภาพของสุนัขกำลังไม่ดี ดังนั้นคุณจึงต้องตรวจเช็คสุขภาพของสุนัขด้วยว่ามันแข็งแรงตีหรือไม่ คำว่าสุขภาพของสุนัขที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ไม่ใช่แต่เฉพาะความแข็งแรงสมบรูณ์ของร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย เพราะหากสุนัขมีสุขภาพจิตที่ไม่ดีหรือมีความเครียดก็จะทำให้มันแสดงพฤติกรรมแปลกๆ ออกมาได้เช่นกัน

    ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของสุนัขทั่วๆ ไปก็คือปัญหาในการขับถ่าย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรืออาจจะเกิดจากพยาธิ การได้รับแร่ธาตุไม่เพียงพอที่สุนัขต้องการก็ทำให้สุนัขของคุณเป็นโรคขาดสารอาหารได้ รวมทั้งบาดแผลที่สุนัขได้รับจากการเล่นหรือการทะเลาะกับสุนัขตัวอื่นก็เป็นสาเหตุสำคัญเช่นกัน หากสุนัขของคุณมีการถ่ายอุจจาระออกมาเป็นมูก คุณควรรีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วดีกว่า




    สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับสุนัขที่มักแสดงพฤติกรรมที่มีปัญหาออกมานั่นก็คือ สุนัขของคุณได้รับการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมีเนียม อาการชุดหรือหอพักต่างๆ และต้องการเลี้ยงสุนัขควรต้องตระหนักว่าสุนัขนั้นเป็นสัตว์ที่ต้องการการออกกำลังกายอย่างมาก การปล่อยให้สุนัขได้วิ่งเล่นไปรอบๆ พื้นที่กว้างนั้นเป็นการออกกำลังที่ดีที่สุดดีทั้งกับร่างกายและจิตใจของมัน

    แต่การเลี้ยงสุนัขโดยที่คุณไม่มีที่ว่างให้มันออกกำลังอย่างเพียงพอนั้นเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงสุนัข หากสุนัขของคุณแสดงพฤติกรรมแปลกๆ ออกมาให้เห็น คุณควรคิดถึงสาเหตุใหญ่ สองประการ นั้นคือประการแรกสุขภาพของสุนัขในขณะนั้นเป็นอย่างไร และสองสุนัขของคุณได้รับการออกกำลังกายอย่างเพียงพอหรือไม่








































    1 ความคิดเห็น:

    1. casino and slots no deposit bonus codes 2019 - DRMCD
      Casino and Slots no deposit bonus 거제 출장안마 codes 2019 - 여수 출장마사지 Best bonus codes for Casino Slots | December 춘천 출장샵 2021. 고양 출장안마 online slots no deposit bonus codes 2019. 계룡 출장마사지

      ตอบลบ